เก็บตก ‘5 ไฮไลต์’ ประชุมใหญ่พรรคเดโมแครต

เก็บตก ‘5 ไฮไลต์’ ประชุมใหญ่พรรคเดโมแครต

เก็บตก 5 ประเด็นสำคัญจากการประชุมใหญ่พรรคเดโมแครต "เจอประท้วง ขายฝันอเมริกัน ยืนยันเคียงข้างอิสราเอล ชี้ฝ่ายตรงข้ามเสียสติ"

ตั้งแต่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ถอนตัวจากการแข่งขันเลือกตั้งสหรัฐ คามาลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐก็ได้เข้ามาสร้างความตื่นเต้นให้กับบรรดาฐานเสียงเดโมแครต และมีผลโพลแสดงให้เห็นว่า แฮร์ริสมีคะแนนความนิยมนำ “โดนัลด์ ทรัมป์” อดีตปธน.สหรัฐ และแคนดิเดตจากพรรครีพับลิกันในรัฐสวิงสเตต หรือรัฐที่สองพรรคใหญ่มีคะแนนสูสี เช่น รัฐเพนซิลเวเนีย รัฐวิสคอนซิน และรัฐมิชิแกน

“เราถูกดูหมิ่นดูแคลนเกือบตลอด แต่เราไม่เคยยอมแพ้ เพราะอนาคตเป็นสิ่งล้ำค่าที่จะต่อสู้เพื่อให้ได้มา และนั่นคือการต่อสู้ที่เรากำลังทำอยู่ตอนนี้ สู้เพื่ออนาคตอเมริกา” แฮร์ริส กล่าวระหว่างขึ้นปราศรัยบนเวทีประชุมประจำปีของพรรคเดโมแครต เมื่อคืนวันพฤหัสบดี (22 ส.ค.) ซึ่งเป็นคืนสุดท้ายหลังจากจัดประชุมนาน 4 วัน ในชิคาโก รัฐอิลลินอยส์

การประชุมพรรคครั้งนี้เป็นที่น่าจับตาอย่างมาก นอกจากมีคนดังและนักการเมืองร่วมปราศรัยมากมาย ยังมีปัญหากวนใจแทรกเข้ามาระหว่างการประชุมอีกด้วย

อัลจาซีราห์ได้รวบรวม 5 ประเด็นสำคัญ จากงานประชุมพรรคเดโมแครตวันสุดท้ายไว้ดังนี้

ผู้สนับสนุนปาเลสไตน์ประท้วงต่อเนื่อง

การประชุมพรรคเดโมแครตในช่วง 4 วันที่ผ่าน เกิดการประท้วงนอกการประชุมใหญ่อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากกลุ่มผู้สนับสนุนการประท้วงต้องการสร้างความตระหนักเกี่ยวกับวิกฤติมนุษยธรรมที่เกิดขึ้นในกาซา

แม้ผู้จัดชุมนุมพยายามอย่างมากเพื่อให้ตัวแทนของชาวปาเลสไตน์ได้ขึ้นไปส่งเสียงเรียกร้องบนเวที แต่สุดท้ายไม่สามารถขึ้นไปได้ เนื่องจากคณะกรรมการเดโมแครตแห่งชาติ ปฏิเสธให้ชาวอเมริกันเชื้อสายปาเลสไตน์ขึ้นพูดในช่วงสุดท้ายของวันพฤหัสบดี

สมาชิกจาก Uncommitted National Movement จึงจัดที่นั่งชุมนุมด้านนอกฮอลล์ยูไนเต็ดเซนเตอร์

อับบาส อาลาเวียห์ ผู้ร่วมก่อตั้งกลุ่มเคลื่อนดังกล่าว บอกว่า สถานการณ์ที่พวกเขาเผชิญคือความผิดพลาดของพรรค

นอกจากนี้ การตัดสินใจไม่ให้ตัวแทนกลุ่มผู้ชุมนุมขึ้นพูด ได้ส่งผลกระทบต่อฐานเสียงของแฮร์ริสในทันที โดยกลุ่ม Muslim Women for Harris ที่สนับสนุนแฮร์ริส ประกาศเมื่อวันพฤหัสบดีว่าจะยุบกลุ่ม

เดโมแครตชู ‘ความฝันอเมริกัน’

วิทยากรที่ขึ้นพูดในช่วงไพรม์ไทม์ในวันประชุมสุดท้าย ทำให้นึกถึงสำนวนที่รู้จักกันดีในการเมืองสหรัฐอย่าง  “American dream” หรือความฝันอเมริกัน

แนวความคิด “ความฝันอเมริกัน” ที่ว่าชาวอเมริกันสามารถปราถนาถึงเสรีภาพและโอกาสได้ไม่ว่าจะมีภูมิหลังแบบใดนั้น มักถูกหยิบหยกขึ้นมาพูดบนเวทีบ่อยครั้ง เพื่อสร้างความหวัง เช่น การเสนอเงินสนับสนุนเลี้ยงบุตร งบด้านสุขภาพ และเงินอุดหนุนที่อยู่อาศัย

ดี. แอล. ฮิวลีย์ นักแสดงตลก ปราศรัยว่า 

“คามาลารู้ความจริงเกี่ยวกับความฝันอเมริกันว่า การทำงานหนักตัวคนเดียวไม่พอที่จะทำให้ประสบความสำเร็จ คุณต้องมีการเข้าถึง มีข้อมูล และมีโอกาส ซึ่งเธอรู้ว่าบางคนถูกปฏิเสธเข้าถึงสิ่งเหล่านี้”

นอกจากนี้ ฮิวลีย์ยังได้กล่าวโจมตีทรัมป์ เจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์ที่ถูกกล่าวหาว่าเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติในการทำธุรกิจ อีกด้วย

โดยในปี 2516 ทรัมป์และพ่อของเขาเผชิญกับคดีฟ้องร้อง เนื่องจากพวกเขาปฏิเสธไม่ให้คนผิวดำเช่าบ้านในนิวยอร์ก แต่ในที่สุดคดีดังกล่าวก็ยุติลง

ฮิวลีย์พูดติดตลกบนเวทีประชุมพรรคว่า “ถ้า (ทรัมป์) ยังคงมีคะแนนนิยมลดลงตามที่เห็นในโพล ทางเดียวที่เขาจะสามารถไม่ให้คามาลาเข้าทำเนียบขาวได้ คือ การซื้อทำเนียบและปฏิเสธไม่ให้เธอเช่า”

นอกจากฮิวลีย์แล้ว ยังมีนักการเมืองและคนดังคนอื่น ๆ กล่าวโจมตีทรัมป์เช่นกัน

‘Central Park Five’ ตัวจริงที่เรียกเสียงฮือฮา

แม้คืนประชุมพรรคเดโมแครตวันสุดท้ายเต็มไปด้วยดาราดังมากมาย ทั้งนักแสดงเคอร์รี วอชิงตัน และเอวา ลอนโกเรีย และมีการแสดงมากมายจากศิลปินต่าง ๆ เช่น พิงก์ และวง The Chicks

ทว่าหนึ่งในเซอร์ไพรส์ของงานไม่ใช่นักแสดงระดับเอลิสต์ หรือป๊อปสตาร์ แต่เป็นการมาเยือนเวทีของชายผิวดำและชายละตินที่รู้จักกันในนาม “Central Park Five”

ย้อนไปในปี 2532 มีหญิงวัย 28 ปีคนหนึ่งถูกข่มขืนและถูกทุบตีในเซ็นทรัลพาร์กในนิวยอร์ก และตำรวจก็ควบคุมตัววัยรุ่น 5 คน อายุระหว่าง 14-16 ปี อย่างรวดเร็ว ได้แก่ แอนทรอน แมคเครย์, เควิน ริชาร์ดสันม ยูซุฟ ซาลาม, เรย์มอนด์ ซันทานา และโคเรย์ ไวส์ ซึ่งพวกเขาคือแพะรับบาปจากคดีนี้เพียงเพราะเชื้อชาติของพวกเขา

ชายกลุ่มนี้ ยกเว้น แมคเครย์ ได้ขึ้นเวทีใหญ่ของพรรคเมื่อวันพฤหัสบดี โดยขึ้นไปเล่าว่า ตนถูกกล่าวหาด้วยความเท็จและต้องจำคุกนาน 13 ปี แต่สุดท้ายได้กลับมาเป็นผู้บริสุทธ์แล้วจากการพิสูจน์หลักฐานดีเอ็นเอ

พวกเขายังชี้ให้เห็นถึงบทบาทของทรัมป์ที่กดดันสาธารณะเกี่ยวกับการคุมขังแพะอย่างพวกเขาด้วย ซึ่งในระหว่างการพิจารณาคดี ทรัมป์ได้ซื้อโฆษณาหนังสือพิมพ์เต็มหน้าโดยระบุข้อความว่า “นำโทษประหารชีวิตกลับมา”

“ชายคนนั้นคิดว่าความเกลียดชังคือ พลังขับเคลื่อนในอเมริกา ความจริงแล้วมันคือสิทธิมนุษยชนต่างหาก ให้เราได้ใช้มัน เราต้องการให้คุณเดินไปกับพวกเรา เราต้องการให้คุณร่วมขบวนไปกับเรา เราต้องการให้คุณโหวตไปกับเรา” ซาลาม ที่ปัจจุบันเป็นสมาชิกสภานิวยอร์ก กล่าว

แฮร์ริสพยายามเป็นกลาง?

นักการเมืองหลายคนขึ้นปราศรัยบนเวที ต่างพูดถึงบทบาททางการทูตและการรักษาสันติภาพของสหรัฐ อ้างถึงการรุกรานยูเครนอย่างเต็มรูปแบบของรัสเซีย และพูดถึงภัยคุกคามจากจีน และอิหร่าน เพื่อชี้ให้เห็นถึงเหตุผลในการสร้างพันธมิตรที่แข็งแกร่งในต่างประเทศ

อย่างไรก็ตาม อีกหนึ่งความขัดแย้งที่ไม่ค่อยพูดถึงมากนักคือ การทำสงครามในกาซาของอิสราเอล เพราะการสนับสนุนสงครามได้กลายเป็นประเด็นที่สร้างความแตกแยกในเดโมแครต และขณะที่กลุ่มก้าวหน้าและผู้สนับสนุนด้านสิทธิมนุษยชนได้ผลักดันให้เกิดการหยุดยิง แต่นักการเมืองที่มีแนวคิดกลาง ๆ อย่างปธน.ไบเดน ยังคงสนับสนุนอิสราเอลไม่เปลี่ยนแปลง

แฮร์ริสก็พูดถึงความขัดแย้งนี้เช่นกัน แต่พยายามพูดให้มีความสมดุลระหว่างการสนับสนุนอิสราเอลและชาวปาเลสไตน์

“ขอพูดให้ชัด ดิฉันเห็นด้วยกับสิทธิในการปกป้องตนเองของอิสราเอลเสมอ และดิฉันจะสร้างความมั่นใจว่าอิสราเอลสามารถปกป้องตนเอง เพราะชาวอิสราเอลไม่ควรต้องเผชิญกับเรื่องน่าหวาดกลัวจากกลุ่มก่อการร้ายฮามาสอีก”

เธอกล่าวต่อว่า “ในขณะเดียวกัน สิ่งที่เกิดขึ้นในฉนวนกาซานั้นร้ายแรงมาก ระดับของความทุกข์ทรมานนั้นน่าสลด ประธานาธิบดีไบเดน และดิฉัน กำลังทำหน้าที่เพื่อยุติสงครามนี้ เพื่อให้อิสราเอลปลอดภัย ตัวประกันได้รับการปลดปล่อย ความทุกข์ยากในกาซาจบลง และชาวปาเลสไตน์สามารถได้รับสิทธิในการมีศักดิ์ศรี ความปลอดภัย เสรีภาพ และมีสิทธิในการกำหนดแนวทางชีวิตของตนเอง”

สปีชปิดเวที ‘พวกเขาเสียสติ’

ในการขึ้นพูดปิดการประชุมพรรคเดโมแครต แฮร์ริสเดินขึ้นมาบนเวทีพร้อมกับเสียงเพลง “Freedom” ของบียอนเซ่ และเริ่มกล่าวยกย่องปธน.ไบเดนที่กำลังพ้นจากตำแหน่ง

“เมื่อฉันนึกถึงเส้นทางที่เราเดินมาด้วยกัน โจ ฉันรู้สึกซาบซึ้งใจมาก ผลงานของคุณยอดเยี่ยม ประวัติศาสตร์จะจารึกไว้ และคุณได้สร้างแรงบันดาลใจ” แฮร์ริส กล่าว

จากนั้นก็เล่าถึงเรื่องราวของครอบครัวเธอว่า คุณแม่ชาวอินเดียและคุณพ่อชาวจาไมกาเลี้ยงเธอมาอย่างดี และมีคติที่เธอยึดมั่นมาจนทุกวันนี้ โดยแม่สอนเธอและน้องไม่ให้บ่นเกี่ยวกับความอยุติธรรม แต่ให้ทำอะไรบางอย่างเกี่ยวกับมัน

แฮร์ริสเล่าด้วยว่าแรงบันดาลใจในการเป็นทนายความ มาจากการที่เพื่อนในวัยเด็กของเธอถูกล่วงละเมิดทางเพศ และในที่สุด อาชีพนี้ก็พาเธอเข้าสู่แวดวงการเมือง

นอกจากนี้ แฮร์ริสยังได้ให้คำมั่นเป็นผู้นำสร้างความสามัคคีโดยไม่คำนึงพรรคการเมืองหรือสังกัดใด

“การเลือกตั้งของชาติเราครั้งนี้ เป็นโอกาสอันล้ำค่าที่จะก้าวข้ามความข่มขื่น การเย้ยหยัน และความขัดแย้งที่สร้างความแตกแยกในอดีต และยังเป็นโอกาสที่จะสร้างหนทางใหม่เพื่อก้าวไปข้างหน้า ไม่ใช่ในฐานะสมาชิกของพรรคการเมืองหรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่ในฐานะที่เป็นชาวอเมริกัน” แฮร์ริส กล่าว

อย่างไรก็ตาม รองปธน. ยังคงมีกล่าววิพากษ์วิจารณ์โดนัลด์ ทรัมป์ อยู่บ้าง

เธอบอกว่าเมื่อดูจากหลาย ๆ ด้าน ทรัมป์เป็นคนไม่จริงจัง การให้ทรัมป์เข้าสู่ทำเนียบขาวอาจส่งผลกระทบร้ายแรง และเตือนว่า ทรัมป์อาจจำกัดการเข้าถึงการควบคุมกำเนิด การทำแท้งด้วยยา หากเขาได้รับเลือกอีกครั้ง และจะทำให้สถานะสหรัฐบนเวทีโลกอ่อนแอลง

“พูดง่าย ๆ ก็คือ พวกเขาเสียสติ” แฮร์ริส กล่าว

 

อ้างอิง: Al Jazeera