‘ทรัมป์’ เลือก ‘ซูซี่ ไวลส์’ เป็นหัวหน้าเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาว สตรีคนแรกรับตำแหน่งนี้

‘ทรัมป์’ เลือก ‘ซูซี่ ไวลส์’ เป็นหัวหน้าเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาว สตรีคนแรกรับตำแหน่งนี้

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศว่า เขาจะแต่งตั้ง "ซูซี่ ไวลส์" หนึ่งในสองผู้จัดการหาเสียงคนของเขา เป็นหัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาว ถือเป็นการมอบหมายตำแหน่งสูงสุดให้กับผู้มีบทบาททางการเมืองที่ช่วยให้พรรครีพับลิกันชนะการเลือกตั้ง

การแต่งตั้ง “ซูซี่ ไวลส์” ดำรงตำแหน่ง ‘แม่บ้านทำเนียบขาว’ เป็นเพียงการประกาศครั้งแรกจากการประกาศแต่งตั้งครั้งสำคัญ โดยโดนัลด์ ทรัมป์ จะทยอยประกาศรายชื่อบุคคลในคณะบริหารออกมาเรื่อยๆ ขณะที่เขากำลังเตรียมตัวกลับเข้าทำเนียบขาวในวันที่ 20 ม.ค. ปีหน้า

โดยปกติแล้ว หัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่ประจำทำเนียบขาวจะเป็นผู้คอยดูแลและควบคุมดูแลเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาว จัดการเวลาและตารางงานของประธานาธิบดี และติดต่อกับหน่วยงานของรัฐและสมาชิกรัฐสภาอื่นๆ

รอยเตอร์สอ้างแหล่งว่า ทรัมป์กำลังพิจารณาแต่งตั้งคนจำนวนมากเพื่อดำรงตำแหน่งบริหารระดับสูงในรัฐบาลของเขา ซึ่งหลายคนเคยทำงานกับทรัมป์ขณะเขาเป็นประธานาธิบดีสมัยแรกในปี 2017-2021

ทั้งนี้ ไวลส์ วัย 67 ปี จะเป็นผู้หญิงคนแรกที่จะดำรงตำแหน่งนี้ ทรัมป์กล่าวในแถลงการณ์ว่า “ซูซี่เป็นคนเข้มแข็ง ฉลาด มีนวัตกรรม และเป็นที่ชื่นชมและเคารพนับถือจากคนทั่วไป ผมไม่สงสัยเลยว่าเธอจะทำให้ประเทศของเราภาคภูมิใจ”

ไวลส์ นักยุทธศาสตร์การเมืองที่อาศัยอยู่ในฟลอริดามายาวนาน และคริส ลาซิวิตา ผู้จัดการหาเสียงอีกคน ได้รับการยกย่องว่าสามารถบริหารการหาเสียงได้อย่างมีวินัยในการหาเสียงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีครั้งที่สามของทรัมป์เมื่อเทียบกับการหาเสียงในอดีตของเขา

ทรัมป์ขอบคุณพวกเขาทั้งสองคนระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ประกาศชัยชนะเมื่อเช้าวันพุธ (6 พ.ย.)

“ผมจะบอกอะไรให้ ซูซีชอบอยู่เบื้องหลัง” ทรัมป์กล่าวขณะไวลส์ยืนอยู่ทางด้านหลังเวที “เราเรียกเธอว่าสาวแกร่ง”

หลายคนที่เคยทำงานกับไวลส์กล่าวเมื่อวันพฤหัสบดี (7 พ.ย.) ว่า เธอจะทำให้การงานในทำเนียบขาวมีเสถียรภาพมั่นคงและให้คำแนะนำที่ชาญฉลาดแก่ทรัมป์

“ซูซี่เป็นผู้หญิงที่เข้มแข็งและเป็นผู้นำที่แท้จริง ซึ่งมีผลงานที่พิสูจน์แล้วว่าสามารถทำให้สิ่งต่างๆ สำเร็จลุล่วงได้” ฟอร์ด โอคอนเนลล์ นักยุทธศาสตร์พรรครีพับลิกันกล่าว

ในระหว่างดำรงตำแหน่งในปี 2017-2021ทรัมป์มีหัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหาร 4 คน ซึ่งถือเป็นจำนวนที่สูงผิดปกติขณะที่พวกเขาก็ประสบกับความลำบากในการสร้างกรอบให้ประธานาธิบดีทรัมป์ที่ขึ้นชื่อว่าไม่มีวินัยคนนี้

ไวลส์เคยทำงานในการหาเสียงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของโรนัลด์ เรแกนในปี 1980 และช่วยให้รอน เดอซานติส ผู้ว่าการรัฐฟลอริดาจากพรรครีพับลิกันชนะการเลือกตั้งในปี 2018 เธอทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาอาวุโสในการหาเสียงของทรัมป์ในปี 2016 และ 2020

ทั้งนี้ ทรัมป์เลือกไวลส์แทนเควิน แมคคาร์ธี อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นรีพับลิกันจากแคลิฟอร์เนียที่สนิทสนมกับทรัมป์และมักไปเยือนมาร์อาลาโกบ่อยครั้ง

แหล่งข่าวระบุด้วยว่า แมคคาร์ธีก็เคยเป็นตัวเลือกหนึ่งเช่นเดียวกับบรู๊ค โรลลินส์ ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งรักษาการผู้อำนวยการสภานโยบายภายในประเทศของทรัมป์

อนึ่ง ขณะที่ทรัมป์เก็บตัวอยู่ที่คฤหาสน์มาร์อาลาโกในปาล์มบีช รัฐฟลอริดา ตั้งแต่เอาชนะคามาลา แฮร์ริส พรรคเดโมแครตในการเลือกตั้งเมื่อวันอังคาร 5 พ.ย.

ทรัมป์กำลังแต่งตั้งตำแหน่งสำคัญอื่นๆ

แหล่งข่าวเปิดเผยอีกว่า เอลีส สเตฟานิก สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรครีพับลิกันจากนิวยอร์ก ซึ่งเป็นพันธมิตรที่เหนียวแน่นของทรัมป์ กำลังได้รับการพิจารณาให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำสหประชาชาติ

ริชาร์ด เกรเนลล์ อดีตเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำเยอรมนี ซึ่งเคยรักษาการผู้อำนวยการหน่วยข่าวกรองในวาระแรกของทรัมป์ กำลังได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศ

ขณะที่เกรเนลล์ เคยอยู่ร่วมประชุมกับทรัมป์เมื่อไม่นานนี้ เมื่อเขาได้พบกับโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดีของยูเครนที่นิวยอร์ก

แหล่งข่าวระบุอีกว่า บิลล์ ฮาเกอร์ตี้ วุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกัน ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำญี่ปุ่น ก็กำลังได้รับการพิจารณาให้ดำรงตำแหน่งดังกล่าวเช่นกัน

ฮาเกอร์ตี้ ซึ่งเคยถูก CNN ถามถึงการจะได้ดำรงตำแหน่งในรัฐบาลของทรัมป์ กล่าวว่า “ผมจะปล่อยให้เป็นเรื่องของคนที่ชอบคาดเดา”

 

อ้างอิง: Reuters