จีนส่งออกรถอีวีมือ 2 พุ่ง 45% กว่า 4 แสนคัน ส่งให้ ‘รัสเซีย-กีร์กีซสถาน’ มากสุด
‘จีน’ เผยตัวเลขส่งออกรถมือ 2 เพิ่มขึ้น 45%
ถึง 4 แสนคันในปี 67 ทั้งอีวีและปลั๊กอินไฮบริด นำโดย Zeekr และ Li Auto พบส่งให้ ‘รัสเซีย-กีร์กีซสถาน’ มากสุด
สำนักข่าวนิกเกอิเอเชียรายงานการส่งออกรถยนต์มือ 2 ของ “จีน” ในปี 2567 พุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ประมาณ 400,000 คัน เพิ่มขึ้น 45% จากปีที่ผ่านมา ขับเคลื่อนโดยความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าที่แข็งแกร่งในตลาดต่างประเทศ เช่น รัสเซียและเอเชียกลาง
รถยนต์ไฟฟ้าจีน เติบโตในตลาดต่างประเทศ ส่งผลให้ความต้องการรถยนต์มือสองที่ราคาถูกลงเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย โดยรถยนต์จากแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าหรู Zeekr ของ Geely และ Li Auto ซึ่งเป็นบริษัทสตาร์ทอัพ เป็นหนึ่งในรถยนต์ส่งออกยอดนิยมของจีน ทั้งสองแบรนด์มีรถยนต์รุ่นที่มีราคาอยู่ในระดับต่ำกว่า ประมาณ 9.4 แสนบาทในประเทศจีน
ตามข้อมูลจากสมาคมผู้จำหน่ายรถยนต์แห่งประเทศจีนเผยว่า ยอดขายรถยนต์มือสอง เติบโต 7% เป็น 19.61 ล้านคันภายในประเทศจีน แม้ว่ายอดขายรถยนต์ใหม่และรถยนต์มือสองในประเทศจะเพิ่มขึ้น แต่การเติบโตชะลอตัวลงเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งเชื่อว่าเป็นแรงผลักดันให้บริษัทต่างๆ เพิ่มการส่งออกเพื่อลดสินค้าคงคลัง
เกือบครึ่ง ส่งออก ‘รัสเซีย-กีร์กีซสถาน’
ในปี 2566 กีร์กีซสถานเป็นผู้นำเข้ารายใหญ่ที่สุด ตามมาด้วยรัสเซียและอุซเบกิสถาน ตามข้อมูลล่าสุดจากกระทรวงพาณิชย์ของจีนที่ให้รายละเอียดการส่งออกแบ่งตามประเทศ สามประเทศนี้รับรถยนต์มือสองของจีนไปกว่าครึ่ง เนื่องจากกีร์กีซสถานมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับรัสเซีย จึงเป็นไปได้ว่ารถยนต์จำนวนมากที่ส่งไปยังกีร์กีซสถานจะเดินทางต่อไปยังรัสเซียในที่สุด
หลังจากผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่นและยุโรปถอนตัวออกจากตลาดรัสเซีย ความต้องการรถยนต์มือสองในประเทศดังกล่าวจึงเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก เนื่องจากแบรนด์จีนมีฐานลูกค้าในรัสเซียอยู่แล้วจากการเป็นตลาดส่งออกรถยนต์ใหม่รายใหญ่สุด การส่งออกรถยนต์มือสองไปยังรัสเซียและตลาดที่มีความต้องการสูง จึงเป็นช่องทางสำคัญในการระบายสินค้าคงคลังของผู้ผลิตรถยนต์จีน โดยไม่จำเป็นต้องลดราคาขายในประเทศ
จีนกำลังแซงหน้า ‘ญี่ปุ่น’
ตามข้อมูลปี 2566 รถยนต์มือสองที่ส่งออกไปเกือบครึ่ง หรือมากกว่า 130,000 คัน เป็นรถยนต์พลังงานใหม่ เช่น พลัก-อินไฮบริด และคาดว่าแนวโน้มนี้จะยังคงอยู่ต่อเนื่องในปี 2567
จีนส่งออกรถยนต์มือสองในปริมาณมากในปี 2562 หลังจากได้รับการอนุมัติจากรัฐบาล โดยเริ่มจากการอนุญาตให้ส่งออกผ่านสำนักงานศุลกากรบางแห่งเท่านั้น กระทั่งในเดือนกุมภาพันธ์ 2567 รัฐบาลได้ขยายขอบเขตการส่งออกไปยังสำนักงานศุลกากรทั่วประเทศ ทำให้ปริมาณการส่งออกรถยนต์มือสองของจีนเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว
ในปี 2566 จีนแซงหน้าญี่ปุ่นกลายเป็นผู้ส่งออกรถยนต์ใหม่รายใหญ่ที่สุดของโลก อย่างไรก็ตาม ญี่ปุ่นยังคงครองตำแหน่งผู้นำในการส่งออกรถยนต์มือสอง โดยสมาคมผู้ส่งออกรถยนต์มือสองของญี่ปุ่นรายงานว่า ญี่ปุ่นได้ส่งออกรถยนต์มือสองจำนวน 1.43 ล้านคันในช่วงเดือนมกราคม-พฤศจิกายน 2567
แม้ว่าปัจจุบันการส่งออกรถยนต์มือสองของจีนจะยังมีปริมาณเพียงประมาณหนึ่งในสามของญี่ปุ่น แต่ก็กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว และเจ้าหน้าที่จากบริษัทค้ารถยนต์มือสองของจีนคาดการณ์ว่าไม่นานเกินรอ จีนจะสามารถแซงหน้าญี่ปุ่นได้อย่างแน่นอน