วัคซีนโควิดส่งผลป้องกันโรคได้จริง

วัคซีนโควิดส่งผลป้องกันโรคได้จริง

วัคซีนโควิดส่งผลป้องกันโรคได้จริง นอกจากนี้วัคซีนยังมีประสิทธิภาพป้องกันอาการไข้หรือปัญหาการหายใจ 98% ป้องกันการเข้าโรงพยาบาลและเสียชีวิต 98.9%”

ข้อมูลจากอิสราเอล ประเทศที่ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ได้ล้ำหน้าที่สุดในโลก ชี้ว่า สามารถป้องกันการเข้าโรงพยาบาลและเสียชีวิตได้ ยิ่งเป็นความหวังให้นานาประเทศเร่งฉีดวัคซีนให้ประชาชน

กระทรวงสาธารณสุขอิสราเอล แถลงเมื่อวันเสาร์ (20 ก.พ.) ว่า คนที่ได้รับวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) จากบริษัทไฟเซอร์ทั้งสองโดสแล้ว ความเสี่ยงเจ็บป่วยจากโควิด-19 ลดลง นอกจากนี้วัคซีนยังมีประสิทธิภาพป้องกันอาการไข้หรือปัญหาการหายใจ 98% ป้องกันการเข้าโรงพยาบาลและเสียชีวิต 98.9%

ข้อค้นพบนี้ใช้ข้อมูลที่รวบรวมมาทั่วประเทศถึงวันที่ 13 ก.พ. จากชาวอิสราเอลที่ฉีดวัคซีนครบ 2 โดสแล้วในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นอย่างน้อย ข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขระบุว่า ภายในวันที่ 30 ม.ค. ประชาชนราว 1.7 ล้านคนฉีดวัคซีนโดสที่ 2 แล้ว

ความพยายามฉีดวัคซีนของอิสราเอลถือเป็นการศึกษาวัคซีนไฟเซอร์ในโลกจริงครั้งใหญ่สุด นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู กล่าวเมื่อวันเสาร์ คาดว่า 95% ของชาวอิราเอลวัย 50 ปีขึ้นจะได้รับวัคซีนภายใน 2 สัปดาห์ข้างหน้า

รายงานฉบับก่อนหน้าจากผู้ให้บริการดูแลสุขภาพเอกชนก็แสดงผลบวกเช่นกัน หนุนให้อิสราเอลยกเลิกข้อจำกัดเพื่อให้เศรษฐกิจเดินหน้าหลังล็อกดาวน์มานาน วานนี้ (21 ก.พ.) โรงเรียนและร้านค้าหลายแห่งกลับมาเปิดใหม่ได้แล้ว

ไม่เพียงเท่านั้น กระทรวงสาธารณสุขยังเปิดใช้แอพพลิเคชัน “กรีนพาส” เชื่อมโยงข้อมูลการแพทย์ส่วนบุคคล ให้คนที่ฉีดวัคซีนครบหรือมีภูมิคุ้มกันหลังหายป่วยจากโควิดใช้แสดง เมื่อจะเข้าพักโรงแรม รวมงานแสดงวัฒนธรรมหรืองานแข่งขันกีฬาได้

ที่มาเลเซีย วัคซีนป้องกันโควิด-19ชุดแรก ที่ทุกคนรอคอยจำนวน 312,390 โดสของบริษัทไฟเซอร์-ไบออนเทค มาถึงมาเลเซียแล้วเมื่อช่วงเช้าวานนี้

แครี จามาลุดดิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์แถลงว่า วัคซีนล็อต 2 จะมาถึงในวันที่ 26 ก.พ. จากนั้นจะมาเรื่อยๆ ทุก 2 สัปดาห์จนครบ 32 ล้านโดส

ส่วนวัคซีนจากบริษัทซิโนแวค ไบโอเทคของจีน มีกำหนดมาถึงในวันที่ 27 ก.พ. รอการอนุมัติจากสำนักงานอาหารและยา

มาเลเซียตั้งเป้าฉีดวัคซีนอย่างน้อย 80% ของประชากร 32 ล้านคนภายใน 1 ปี เพื่อเดินหน้าเศรษฐกิจที่ถูกโควิดเล่นงานเสียหายหนัก จีดีพีปี 2563 ตกต่ำที่สุดในรอบกว่า 20 ปี

ปี 2564 มาเลเซียสั่งล็อกดาวน์เพิ่มเติมหลังเกิดการติดเชื้อระลอกใหม่ ปัจจุบันมาเลเซียมีจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 สะสม 280,272 คน เสียชีวิต 1,051 คน

เมื่อวัคซีนมาถึงแล้วมาเลเซียจะเริ่มฉีดวัคซีนในวันพุธ (24 ก.พ.) นี้ เร็วกว่ากำหนดการเดิม โดยนายกรัฐมนตรีมูห์ยิดดิน ยัสซิน และนูร์ ฮิชาม อับดุลลาห์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุขจะฉีดเป็นคนแรก

วานนี้เช่นกัน นายกรัฐมนตรีสกอตต์ มอร์ริสัน ของออสเตรเลีย ฉีดวัคซีนโควิดโดสแรกจากบริษัทไฟเซอร์/ไบออนเทคที่นครซิดนีย์ คาดว่า การฉีดวัคซีนรอบแรกจะฉีดให้ชาวออสเตรเลียได้มากถึง 4 ล้านคนภายในเดือน มี.ค.

นายกฯ ออสเตรเลียกล่าวภายหลังฉีดวัคซีนว่า นี่คือการเริ่มต้นเปลี่ยนเกมครั้งใหญ่ เพื่อกลับไปสู่การใช้ชีวิตแบบปกติ วัคซีนช่วยแก้ปัญหาที่เขาหวาดกลัวมากที่สุดในฐานะนายกรัฐมนตรี นั่นคือ “โรคระบาดร้ายแรงและการเสียชีวิตเป็นวงกว้างดังที่เราเห็นในต่างประเทศ”

ทััั้งนี้ ออสเตรเลียมีผู้ติดเชื้อสะสมไม่ถึง 29,000 คน เสียชีวิต 909 คน นับตั้งแต่เดือน มี.ค.63 ติด 1 ใน 10 ประเทศที่รับมือการระบาดของโควิด-19 ได้เป็นอย่างดี วานนี้เป็นวันที่ 2 ติดต่อกันที่ไม่มีรายงานการติดเชื้อในประเทศ

การฉีดวัคซีนวานนี้เป็นการเริ่มต้นกับคนกลุ่มเล็ก นอกเหนือจากนายกฯ แล้วยังมีกลุ่มผู้สูงอายุที่ศูนย์แพทย์แคสเทิลฮิลล์ทางตะวันตกของซิดนีย์ รวมถึงผู้ดูแล พยาบาลและบุคลากรหน้างาน

เช้าวันนี้ (22 ก.พ.) ออสเตรเลียจะเริ่มฉีดเฟส 1เอกับเจ้าหน้าที่บ้านพักคนชราและศูนย์ดูแลผู้พิการ เจ้าหน้าที่ดูแลชายแดน และเจ้าหน้าที่ศูนย์กักกัน ณ ศูนย์กลางฉีดวัคซีนทั่วประเทศ ตามด้วยเฟส 1บี ฉีดให้กับผู้ที่ภูมิคุ้มกันบกพร่อง ผู้สูงอายุ 70 ปีขึ้นไป ชนพื้นเมืองอายุ 55 ปีขึ้นไป และเจ้าหน้าที่ฉุกเฉิน

ขณะที่ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศจะได้รับวัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้าที่ผลิตเองภายในออสเตรเลีย ภายในสิ้นเดือน ต.ค.

อย่างไรก็ตาม เมื่อวันเสาร์ ประชาชนหลายพันคนร่วมเดินขบวนต่อต้านวัคซีนตามหัวเมืองใหญ่ ด้วยเข้าใจผิดคิดว่าประชาชนถูกบังคับให้ต้องฉีดวัคซีนทุกคน

ส่วนกรณีที่รัฐบาลออสเตรเลียมีปัญหากับเฟซบุ๊ค เป็นเหตุให้เฟซบุ๊คอิงค์ตัดสินใจกะทันหันเมื่อวันพฤหัสบดี (18 ก.พ.) ปิดกั้นผู้ใช้งานในออสเตรเลียไม่สามารถเข้าถึง และแชร์เนื้อหาข่าวของสำนักข่าวทุกแห่งบนโลก ไม่เว้นแม้แต่สื่อในประเทศตัวเอง ขณะที่ผู้ใช้งานในต่างประเทศไม่สามารถเข้าถึง และแบ่งปันเนื้อหาของสำนักข่าวจากออสเตรเลีย “เพื่อตอบโต้” การที่รัฐบาลแคนเบอร์ราผลักดันกฎหมาย “เก็บค่าข่าว”

ไม่กี่ชั่วโมงก่อนออสเตรเลียเริ่มโครงการฉีดวัคซีน นายเกร็ก ฮันท์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เผยกับสำนักข่าวเอบีซีว่า รัฐบาลจะประชาสัมพันธ์โครงการเป็นวงกว้าง รวมทั้งบนโลกออนไลน์เพื่อสร้างหลักประกันว่าประชาชนกลุ่มเสี่ยงได้รับวัคซีน แต่จะไม่มีการโฆษณาบนเฟซบุ๊ค จนกว่าจะแก้ไขข้อขัดแย้งระหว่างกันได้

ส่วนที่อังกฤษวันนี้ นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสันจะกำหนดโรดแม็ป ผ่อนคลายล็อกดาวน์ทั้งประเทศครั้งที่3 ของอังกฤษ หลังจากฉีดวัคซีนประชากรกลุ่มเสี่ยงสูง 15 ล้านคนภายในดือน ก.พ. ขณะนี้รัฐบาลตั้งเป้าฉีดโดสแรกให้ประชากรวัย 50 ปีขึ้นไปภายในวันที่ 15 เม.ย. จากเดิมที่เคยตั้งเป้าไว้ภายใน พ.ค. และถ้าผู้ใหญ่ทุกคนได้รับวัคซีนภายในสิ้นเดือน ก.ค. ถือว่าทำได้ดีกว่าที่เคยวางแผนไว้