วันเดียวเกลี้ยง ยอดจอง EQB หมด 70 คัน ปรับราคา ใหม่ EQS 7.2 ล้าน
เมอร์เซเดส-เบนซ์ เปิดตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือ อีวี รุ่นที่ 2 ในไทย คือ EQB โดยนำมาแสดงพร้อมเปิดรับจองในงานมอเตอร์ โชว์ และแค่วันแรกพบว่ายอดจองหมดเกลี้ยงเวที สำหรับโควตา 70 คัน พร้อมปรับราคา EQS 500 4MTIC AMG Premium เข้าถึงง่ายกว่าเดิม
สำหรับ ‘EQB’ ที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ เปิดตัว เป็นรุ่น EQB 250 AMG Line ราคา 3.02 ล้านบาท
EQB 250 AMG Line เป็นรถเอสยูวี 7 ที่นั่ง ขับเคลื่อนล้อหน้า ติดตั้งแบตเตอรี่ลิเธียม ไอออน ความจุ 66.5 กิโลวัตต์ชั่วโมง ระยะทางการใช้งานต่อการชาร์จ 1 ครั้ง สูงสุด 460 กิโลเมตร รองรับการชาร์จไฟ AC 11 กิโลวัตต์ชั่วโมง และ DC 100 กิโลวัตต์ชั่วโมง โดยการชาร์จ DC จาก 10-80% ใช้เวลา 32 นาที
มอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 385 นิวตันเมตร อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง 8.9 วินาที
โดยเมอร์เซเดส-เบนซ์ นำ EQB 250 AMG Line มาจัดแสดงในพร้อมเปิดจองในงาน บางกอก อินเตอร์เนชันแนล มอเตอร์โชว์ และวันแรกสำหรับรอบที่เปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าชมงาน 22 มีนาคม (รอบวีไอพี 20 มีนาคม รอบสื่อมวลชน 21 มีนาคม) ก็พบว่ายอดจองหมดโควต้าล็อตแรก 70 คัน ตั้งแต่ช่วงบ่ายๆ
ทั้งนี้เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย เป็นบริษัทรถยนต์พรีเมียมที่รุกตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้าอย่างจริงจัง เริ่มด้วยการเปิดตัว EQS 450+ AMG Premium ซึ่งเป็นเรือธงฝั่งอีวีช่วงต้นปี 2565 ในรูปแบบการนำเข้าสำเร็จรูป (CBU) 2 รุ่นย่อย คือ
- EQS 450+ AMG Premiumราคา 8.57 ล้านบาท
- EQS 450+ Edition1 ราคา 8.87 ล้านบาท
ก่อนที่ปลายปีจะขึ้นสายการประกอบในประเทศ (CKD) ที่โรงงานธนบุรีประกอบรถยนต์ สำโรง สมุทรปราการ กับรุ่น EQS 500 4MATIC Primium ที่เพิ่มสเปค พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ในระดับราคา 7.9 ล้านบาท เนื่องจากไม่ต้องมีภาระภาษีนำเข้า
แต่ล่าสุด EQS 500 4MATIC Primium ปรับราคาลงมาอยู่ที่ 7.2 ล้านบาท โดยไม่ปรับเปลี่ยนสเปคหรือออปชั่น แต่เป็นการปรับลดแพ็กเกจด้านบริการหลังการขาย และการรับประกันที่เพิ่มขึ้น (extended) ก่อนหน้านั้น เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับลูกค้าที่ต้องการเข้าถึงรถได้ง่ายขึ้น
อย่างไรก็ตามลูกค้าสามารถซื้อแพ็กเกจบริการ และการรับประกันเพิ่มได้
ปัจจุบัน เมอร์เซเดส-เบนซ์ เป็นรถพรีเมียมรายเดียวที่ประกอบ อีวี ในไทย
แต่เส้นทาง อีวี ของค่ายรถตราดาว มีความน่าสนใจมากกว่านั้น เพราะล่าสุดมาร์ทิน ชเวงค์ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า ภายในปี 2030 หรือ 2573 ซึ่งเป็นหมุดหมายด้านอีวีที่สำคัญของหลายหน่วยงาน รวมถึงรัฐบาลไทยที่กำหนดแผน 30@30 หรือการมีสัดส่วนรถอีวีให้ได้ 30%
แต่ในส่วนของเมอร์เซเดส-เบนซ์ เข้มข้นกว่านั้นคือ ปีดังกล่าวรถทุกรุ่นที่จำหน่ายจะเป็น อีวี 100%
และภายใน 5 ปี นับจากนี้ สัดส่วนอีวี จะอยู่ที่ 50%
แม้จะเป็นแผนที่ล้อไปกับนโยบายบริษัทแม่ “เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอจี” ที่มุ่งหน้าไปสู่ อีวี เช่นกัน แต่ดูเหมือนว่าแนวทางของประเทศไทยจะมีอัตราเร่งมากกว่า
การกำหนดเป้าหมายดังกล่าว
เพราะเห็นว่าทิศทางของโลกมุ่งไปด้านนั้น ขณะที่ความเข้าใจความต้องการของผู้บริโภคก็เพิ่มขึ้น และขณะเดียวกัน เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอง ก็มีแผนพัฒนาอีวีเพิ่มขึ้นในอนาคตเช่นกัน
แต่อย่างไรก็ตาม การกำหนดเป้าหมายดังกล่าว แต่สถานการณ์ในปัจจุบันยังต้องใช้เวลาในการเติบโตอีกระยะ โดยช่วงนี้เป็นช่วงการเริ่มต้น การเติบโตจึงค่อยเป็นค่อยไป และเมื่อทุกอย่างพร้อมทุกอย่างจะขยายตัวได้อย่างรวดเร็ว
ซึ่งการมีแผนธุรกิจ อีวี ที่ชัดเจน ทั้งการเสริมรถรุ่นใหม่ ทำให้บริษัทขยายเครือข่ายการจำหน่าย จากเดิมให้สิทธิกับตัวแทนจำหน่าย 4 ราย ทำตลาด ล่าสุดเปิดให้ทั้ง 32 ราย ทำตลาดอีวีแล้ว
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์