ฮอนด้า เปิดราคา แอคคอร์ด ใหม่ คงราคาตัวท็อป แข่ง EV
ฮอนด้า เปิดราคา แอคคอร์ด โฉมใหม่ เจเนอเรชั่น 11 โดยรุ่นท็อปใหม่ RS คงราคาเดิม ไม่ทะลุ 1.8 ล้าน รับมือคู่แข่ง และการรุกตลาดของ EV
บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศราคาจำหน่าย “ฮอนด้า แอคคอร์ด อี:เอชอีวี” (Honda Accord e:HEV) เจเนอเรชั่นที่ 11 อย่างเป็นทางการ โดยมี 3 รุ่นย่อย ประกอบด้วย
- e:HEV E ราคา 1,529,000 บาท
- e:HEV EL ราคา 1,669,000 บาท
- รุ่น e:HEV RS ราคา 1,799,000 บาท
มีสีตัวถังให้เลือกรวม 4 สี คือ สีขาวแพลทินัม (มุก) สีเงินลูนาร์ (เมทัลลิก) สีเทาเมทิเออรอยด์
(เมทัลลิก) และสีดำคริสตัล (มุก) พร้อมภายในสีดำ และสีดำตกแต่งด้วยด้ายสีแดง (เฉพาะ e:HEV RS)
สำหรับ RS ถือเป็นรุ่นย่อยที่มีในตระกูล แอคคอร์ด เป็นครั้งแรก
ทั้งนี้สำหรับการประกาศราคาของแอคคอร์ด ใหม่ แม้จะมีการปรับโฉม เพิ่มออปชั่น รวมถึงเทคโนโลยีต่างๆ เข้าไปจำนวนมาก โดยเฉพาะรุ่นใหม่ RS แต่ฮอนด้ายังคงราคาไว้เท่ากับรุ่นเดิม เจเนอเรชั่นที่ 10 คือ แอคคอร์ด ไฮบริด เทค (Honda Accord HYBRID TECH)
ทั้งนี้น่าจะเป็นผลมาจากการแข่งขันที่รุนแรงในตลาดนี้ ทั้งคู่แข่งโดยตรงในตลาด D-Segment อย่าง โตโยต้า คัมรี่ และคู่แข่งในตลาดเอสยูวี รวมถึงคู่แข่งใหม่อย่างรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (EV) โดยเฉพาะการเปิดตัวของ บีวายดี ซีล (BYD Seal) ที่ทำราคาได้ในระดับที่ต่ำกว่าที่หลายคนคาดการณ์ไว้ 1,325,000 – 1,599,000 บาท
รวมถึงยังมี เทสล่า ที่เดินเกมด้านราคาอย่างต่อเนื่อง โดยปรับลดราคาลงมาแล้วหลายครั้ง ทั้ง โมเดล 3 (Model3) และ โมเดล วาย (Model Y)
สำหรับ ฮอนด้า แอคคอร์ด ใหม่ โยนเครื่องยนต์เทอร์โบ 1.5 ลิตร ทิ้งไป ทุกรุ่นย่อยเป็นระบบไฮบริดทั้งหมด ทำงานร่วมกันระหว่างเครื่องยนต์เบนซิน แอทกินสันไซเคิล 2.0 ลิตร กับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว เป็นมอเตอร์กำเนิดพลังงานไฟฟ้า 1 ตัว และมอเตอร์ขับเคลื่อนล้อหน้า อีก 1 ตัว
- ให้กำลังสูงสุด 207 แรงม้า
- แรงบิดสูงสุด 335 นิวตัน-เมตร
- อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง 25 กม./ลิตร
ตัวถังมีขนาดความยาวเพิ่มขึ้น 67 มม. การออกแบบเน้นความลาดเอียงของฝากระโปรงหน้า และท้ายลาด ส่วนระบบ หรือ ออปชั่นต่างๆ ที่เด่นๆ เช่น
- Google built-in
- ปุ่ม Experience Selection Dial ที่เลือกปรับระบบปรับอากาศ เครื่องเสียง และไฟสร้างบรรยากาศ โดยบันทึกได้ 8 คน
- ระบบกล้องมองภาพรอบทิศทาง
- เครื่องเสียงพร้อมลำโพง BOSE 12 ตำแหน่ง
- ระบบแสดงข้อมูลบนกระจกหน้า (Head-up Display: HUD)
- โหมดขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (EV Switch) พร้อม Charge Mode ที่มีเข้ามาเป็นครั้งแรกใน แอคคอร์ด
- ถุงลม 8 ตำแหน่งในทุกรุ่นย่อย ไฟส่องสว่างด้านข้างอัตโนมัติขณะเลี้ยว (ACL) เซนเซอร์กะระยะด้านหน้า 4 จุด ด้านหลัง 4 จุด เป็นต้น
ทั้งนี้ ฮอนด้าตั้งเป้าจำหน่าย แอคคอร์ด ใหม่ เดือนละ 600 คัน โดยในช่วงการเปิดตัว ฮอนด้ามีข้อเสนอสำหรับลูกค้าที่จองและรับรถยนต์ตั้งแต่วันที่ 17 ตุลาคม 2566 – 31 ธันวาคม 2566 คือ “Honda Exclusive Care” ประกอบด้วย
- ประกันภัย 1 ปี
- รับประกันแบตเตอรี่ไฮบริด 10 ปี
- รับประกันระบบไฮบริด 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง
- แพ็กเกจเช็กระยะ ค่าแรง ค่าอะไหล่ 5 ปี หรือ 100,000 กม.
- Honda Ultimate Care ขยายการรับประกันคุณภาพรถยนต์ใหม่และบริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนน 24 ชั่วโมง อีก 2 ปี หรือ 40,000 กม. ต่อจากการรับประกันคุณภาพรถใหม่ 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร สิ้นสุด รวมเป็น 5 ปี หรือ 140,000 กิโลเมตร
- ดอกเบี้ย 2.29%
ฮิเดโอะ คาวาซากะ ประธานกรรมการบริหารและซีอีโอ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ฮอนด้า แอคคอร์ด เป็นรถที่สำคัญของฮอนด้า ในฐานะแฟลกชิปโมเดลทั้งในระดับโลกและประเทศไทย และฮอนด้า แอคคอร์ด อี:เอชอีวี ใหม่ พัฒนาระบบฟูลไฮบริด e:HEV ให้มีคุณภาพมากขึ้นกว่ารุ่นเดิม
“ฮอนด้า ให้ความสำคัญกับการทำตลาดในไทย โดยเน้นที่รถยนต์ไฮบริดเป็นหลัก เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้ากลุ่มใหญ่ ดังจะเห็นได้จากสัดส่วนของการขายรถยนต์ไฮบริดที่มากที่สุดในกลุ่มยานยนต์ไฟฟ้า (xEV) ในตลาดรถยนต์รวมในประเทศไทย” คาวาซากะ กล่าว