บริดจสโตน 'Potenza RE 004' เด่น บนพื้นเปียก

บริดจสโตน 'Potenza RE 004'  เด่น บนพื้นเปียก

"ยาง" ทำหน้าที่หลายอย่าง ทั้งถ่ายทอดกำลังจากเครื่องยนต์ลงถนน รองรับน้ำหนัก การยึดเกาะถนน รีดน้ำ ประสิทธิภาพการเบรก ฯลฯ ดังนั้น จึงควรต้องเอาใจใส่ยางให้มาก นอกจากการเลือกซื้อแล้ว การดูแลรักษาก็เป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องไม่มองข้าม

และแม้ว่า “ยาง” จะเป็นอุปกรณ์สำคัญ แต่หลายคนมักมองข้าม หลายคนเลือกยาง จากความชอบ ความสวยงาม มากกว่าสมรรถนะที่จะได้ 

แต่ก็เข้าใจว่าการเลือกยาง ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะการจะมีโอกาสลองขับค่อนข้างน้อย ไม่เหมือนกับรถยนต์ที่พอจะเดินเข้าโชว์รูมไปขอลองดูได้ ก็คงต้องใช้ข้อมูลจากหลายๆ ทางมาประกอบกัน

ทางผมก็จะพยายามนำเสนอข้อมูล ถ้ามีโอกาสได้ลองขับดู แม้จะไม่บ่อยนักก็ตาม

วันนี้ ผมมีเรื่องราวการลองยางตัวใหม่ ของบริดจสโตนมาฝากกัน เป็นข้อมูลเบื้องต้น นั่นคือ "โพเทนซา อดรีนาลีน อาร์อี 004” ที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา แต่ว่าการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ไม่สามารถจัดกิจกรรมอะไรกับมันได้มากนัก แต่ช่วงนี้เมื่อสถานการณ์คลี่คลาย ก็จัดทดสอบเพื่อดูถึงคุณสมบัติของมันและการเปลี่ยนแปลง โดยไม่ต้องเทียบกับใคร เทียบกันเองระหว่าง 003 กับ 004

160135430923

เพราะว่า โพเทนซ่า อดรีนาลีน อาร์อี 004 เป็นการต่อยอดมาจาก อาร์อี 003 ซึ่งเป็นหนึ่งในยางที่ได้รับความนิยมมากในตลาดทดแทน004 เปิดตัวทั้งหมด 30 ขนาด มีขอบให้เลือดตั้งแต่ 15-20 นิ้ว เริ่มจาก 195/55 R15 ไปจนถึง 275/30 R20 เป้าหมายคือ รถยนต์นั่งในกลุ่ม บี-เซ็กเมนต์ เช่น ฮอนด้า แจ๊ซ ซี-เซ็กเมนต์ เช่น มาสด้า 3 ฮอนด้า ซีวิค ซูบารุ ดับเบิลยูอาร์เอ็กซ์ หรือว่า บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 3

บริดจสโตน บอกว่าแนวคิดของการพัฒนาคือการยึดเกาะถนนในทางโค้ง ทางแห้ง และทางเปียก

สิ่งที่ปรับเปลี่ยน ต่อยอดมาจาก อาร์อี 003 คือ การออกแบบร่องดอกยางใหม่ เรียกว่า Triple & Half Grooves ช่วยรีดน้ำได้ดีขึ้น โดยร่องด้านนอกลึกขึ้น ขณะที่ร่องด้านในมีขนาดใหญ่ขึ้น

ขณะที่การยึดเกาะถนนที่ดีขึ้นนั้น ส่วนหนึ่งมาจากการที่บล็อคดอกยางด้านในมีขนาดใหญ่ ทำให้มีพื้นผิวสัมผัสมากขึ้น แต่การรีดน้ำก็ใช้ร่องยางที่ใหญ่ขึ้นเป็นตัวช่วย และความแข็งของบล็อคดอกยางเพิ่มขึ้น ลดการบิดตัว ซึ่งมีส่วนช่วยเรื่องของการยึดเกาะถนน

ส่วนสิ่งที่ไม่เห็นด้วยตาก็คือ คอมปาวด์ของยาง ซึ่งบริดจโตนบอกว่าปรับเปลี่ยนส่วนผสมใหม่ ที่ช่วยให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น และนั่นเป็นสิ่งที่ทำให้ยางช่วยดูดซับแรงสั่นสะเทือนได้ดีขึ้นกว่าเดิม

จริงๆ ถือว่าไม่ใช่เรื่องง่ายนักที่จะสร้างยางให้ได้ทั้งการยึดเกาะถนน อารมณ์สปอร์ตและความนุ่มนวล

ผู้บริหารบริดจสโตนบอกว่าที่ผ่านมา บริษัทพยายามที่จะแก้ไขความรู้สึกของผู้บริโภคที่มักมองว่าเป็นยางที่ใช้งานดี แต่มีความกระด้าง นั่งไม่สบายนัก

 

ทีนี้มาดูกันว่า พอได้ลองแล้ว เป็นตามนั้นไหม

สถานที่ก็คือ สนามทดสอบยางไทยบริดจสโตน (Thai Bridgestone Proving Ground) ซึ่งเป็นสนามที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นสนามที่มีความทันสมัย มีประสิทธิภาพ และสมบูรณ์แบบแห่งหนึ่งของโลก สร้างขึ้นเพื่อใช้ในการทดสอบสมรรถนะของยางรถยนต์บนพื้นผิวที่หลากหลาย มีสถานีทดสอบ 10 สถานี ซึ่งจำลองทุกสภาพพื้นผิวถนนในประเทศไทยเพื่อให้ได้ผลการทดสอบที่มีความสมบูรณ์ มีประสิทธิภาพและแสดงถึงความปลอดภัยสูงสุด

160135430261

ผมเริ่มจากลอง 004 ขนาด 225/40 R18 ยางสปอร์ตที่ติดตั้งในฮอนด้า ซีวิค ซึ่งเหตุที่ บริดจโตนเลือกไซส์นี้มาลองเพราะบอกว่า เป็นขนาดยางที่ลูกค้าโดยเฉพาะวัยรุ่นชื่นชอบ และมักจะเปลี่ยนขนาดยางใหญ่ขึ้น จากปกติที่ซีวิค มียางติดรถขนาด 17 นิ้ว 

ขับขี่โดยใช้สนามหลัก ที่มีทั้งทางตรงยาวๆ และโค้ง 2 ฝั่ง ที่เป็นแบบเรียบๆ ไม่มีความเอียงรองรับ 

เริ่มจากลองใช้ความเร็วในโค้งที่กำหนด 100 กม./ชม. เพื่อดูการยึดเกาะถนน  และเสียง ซึ่งต้องยอมรับว่าเกาะถนนได้ดี ดูจากการที่เมื่อหมุนพวงมาลัยส่งรถเข้าโค้งแล้วจากนั้นก็คงตำแหน่งไว้ที่เดิม ไม่ต้องแก้ จนกระทั่งออกจากโค้ง และหลังจากนั้นก็แอบๆ ลองเพิ่มความเร็วขึ้นไป 120 ซึ่งก็ยังทำหน้าที่ได้ดี ส่วนเสียงที่เกิดขึ้นแม้จะดังกว่าช่วงทางตรง แต่ก็ถือว่าค่อนข้างเงียบ 

160135432023

ที่ทางตรงลองอัดความเร็วขึ้นไปไปได้กว่า 170 กม./ชม. ยังมีความเงียบที่น่าพอใจ และการทรงตัวดี และส่วนหนึ่งของทางตรง ทีมงานตั้งกรวยให้ลองการเปลี่ยนเลนกะทันหันด้วยความเร็ว 120 กม./ชม. แบบ 3 จังหวะ ซ้ายไปขวา กลับมาซ้าย และไปขวาอีกรอบ มันทำได้ดีกว่าที่คิดครับ รถไม่มีอาการร่อนหรือเสียหลัก และให้ความรู้สึกว่าคมชัดเจนเมื่อเข้าสู่สถานีสลาลอมด้วยความเร็ว 100 กม./ชม. เพราะสามารถคุมรถให้ลัดเลาะไปซ้ายขวาแบบแนบชิดกับกรวยได้ไม่ยาก 

นอกจากนี้ก็ยังลองบนพื้นผิวขรุขระ เป็นคลื่นเป็นลอน และพื้นผิวที่มีแท่งโลหะเล็กๆ ขวางอยู่ ด้วยความเร็ว 80-90 กม./ชม. ซึ่งผมว่ายางสปอร์ตตัวนี้ ดูดซับแรงสั่นสะเทือนได้ดีกว่าที่คิดไว้ น่าจะตอบโจทย์คนขับที่ชอบอารมณ์สปอร์ต และผู้โดยสารที่ชอบความนุ่มนวล

160135431464

จากนั้นเปลี่ยนมาขับ ฮอนด้า แจ๊ซ ที่ติดตั้งยางขนาด 195/55 R15 โดยคันหนึ่งติดตั้ง อาร์อี 003 และอีกคัน เป็น อาร์อี 004 รุ่นใหม่ 

เริ่มจาก 003 ก่อน ขับในเส้นทางเปียกที่ฉีดน้ำหล่อเลี้ยงไว้ตลอดเวลาจนเจิ่งนองพื้น ซึ่งก็สามารถผ่านอุปสรรคไปได้น่าพอใจครับ  การควบคุมรถในทางโค้ง  และการเปลี่ยนเลนไปมาทำได้ดี อาจจะมีบางช่วงที่ออกอาการอันเดอร์สเตียร์บ้างเล็กน้อย แต่ก็สามารถผ่านไปได้อย่างเรียบร้อย 

แต่เมื่อมาขับ อาร์อี 004 พบว่ามันแตกต่างกันชัดเจน พูดง่ายๆ มันคมกว่าในทางเปียกเช่นนี้ เข้าโค้ง หรือว่าเปลี่ยนเลนได้แม่นยำกว่า ทำให้ขับได้เร็วกว่าในสถานีี้  นั่นหมายถึงว่า อาร์อี 004 รีดน้ำได้ดีกว่า 003 ชัดเจน 

160135430957

160135432775

ส่วนการทดสอบการเบรกบนพื้นเปียก แบบเหยียเบรกเต็มที่ ผมทำได้ไม่แตกต่างกัน ส่วนคนอื่นเขามีระยะเบรกของ 004 สั้นกว่า แต่ว่าเป็นการลองครั้งเดียว อาจจะมีความผิดพลาดบางอย่างก็เป็นได้ โดยเฉพาะน้ำหนักเท้า ตรงนี้เลยยังไม่แน่ใจว่าแท้จริงเป็นอย่างไร 

160135432856

จากนั้นเป็นการขับแบบจิมคาน่า กับเส้นทางแคบๆ โค้งมากมาย ท้าทายทั้งรถ ทั้งยางและคนขับที่ต้องมีสมาธิ มองเส้นทางให้เร็ว ควบคุมพวงมาลัยให้ไว แต่ต้องพอดี

ขับสนุกครับ สนามนี้ อารมณ์ของรถคล่องตัวสูง จัดการกับโค้งแคบๆ ได้ดี ถือว่ายางตอบสนองการขับขี่รูปแบบนี้ เกาะถนนดี ควบคุมทิศทางได้น่าพอใจ และต้องบอกว่าผมชอบอารมณ์ของยางทั้ง 2 ตัว และเวลาที่ได้ใกล้เคียงกัน โดย 004 ทำได้เร็วกว่าประมาณ 1 วินาที/รอบ ซึ่งแม้จะดูว่าไม่ต่างกันมาก แต่ก็ต่างกันครับ เพราะว่าแต่ละรอบใช้เวลาไม่มากนัก โดย 004 ใช้ 29.27 วินาที

160135432014

สรุปโดยรวม 004 ให้ความรู้สึกที่ดีทั้งการยึดเกาะ ความนุ่มนวล และเสียงที่ค่อนข้างเงียบ การยึดเกาะบนถนนแห้ง ใกล้เคียงกับ 003 แต่เมื่อขับขี่บนถนนเปียก จะเห็นความแตกต่าง โดยผู้มาใหม่ทำได้ดีกว่าชัดเจนครับ