เอาจริง! ภูเก็ต สั่งทุกคนออกจากบ้านต้องใส่หน้ากาก ฝ่าฝืนปรับ 2 หมื่น
ภูเก็ต งัดกฎเหล็ก สั่งทุกคนออกจากบ้านต้องสวมหน้ากาก ฝ่าฝืนมีโทษปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท
นายภัคพงศ์ ทวิพัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ลงนามคำสั่งจังหวัดภูเก็ต เรื่อง "มาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19" โดยมีเนื้อหากำหนดมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด 19
โดยที่สถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 หรือ โรคโควิด-19 ได้แพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว และกว้างขวางไปหลายประเทศทั่วโลก โดยกระทรวงสาธารณสุขได้ออกประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ชื่อและอาการสําคัญ ของโรคติดต่ออันตราย (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2563 ลงวันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 กําหนดให้โรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 หรือ โรคโควิด-19 เป็นโรคติดต่ออันตรายตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 นายกรัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีได้มีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักรฉบับลงวันที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2563 เกี่ยวกับโรคดังกล่าว และสถานการณ์การแพร่ระบาดในจังหวัดภูเก็ตพบว่ายังคงมีจํานวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
จึงอาศัยอํานาจตามความในมาตรา 22 และมาตรา 34 (6) แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ประกอบ ข้อ 7 (1) ประกอบข้อ 11 และข้อ 14 ของข้อกําหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกําหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2558 (ฉบับที่ 1) ลงวันที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2563 และ ข้อ 11 ของประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไข ในการดําเนินการหรือออกคําสั่งของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ พ.ศ. 2560 ประกาศ ณ วันที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2560 ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดภูเก็ต ตามมติที่ประชุมครั้งที่ 16/2563 เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2563 จึงกําหนดมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยขอให้ผู้ใดที่จะออกนอกเคหสถานหรือบริเวณสถานที่พํานักของตนให้สวมใส่หน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าทุกครั้ง และห้ามกระทําการหรือดําเนินการใดๆ ซึ่งอาจก่อให้เกิดสภาวะที่ไม่ถูกสุขลักษณะซึ่งอาจเป็นเหตุให้โรคติดต่ออันตรายหรือโรคระบาดแพร่ออกไป
การดําเนินการตามมาตรการดังกล่าวนี้จําเป็นต้องอาศัยความร่วมมือของประชาชนในทุกภาคส่วน เพื่อให้สามารถแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตได้อย่างเด็ดขาด หากผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคําสั่งฉบับนี้ อาจเป็นความผิดตามมาตรา 51 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองหมื่นบาท และอาจเป็นความผิดตามมาตรา 18 แห่งพระราชกําหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ตามข้อกําหนดตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกําหนดการบริการราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 1)
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 7 เมษายน 2563 เป็นต้นไป จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง
สั่ง ณ วันที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2563
นายภัคพงศ์ ทวิพัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต
ผู้กํากับการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินในเขตพื้นที่จังหวัดภูเก็ต