'สมชาย' หวั่น แพทย์ รพ.ตร. ให้ความเห็นเป็นเท็จ ปมให้ 'ทักษิณ' รักษานอกเรือนจำ
สมชาย หวั่น แพทย์ รพ.ตร. ให้ความเห็นเป็นเท็จ ปมให้ “ทักษิณ” รักษานอกเรือนจำ หลังระบุความเห็นให้ รักษาตัวต่อเนื่อง หลังครบ 120 วัน บี้ “ยธ.” ตรวจสอบแพทย์-ลงพื้นที่ตรวจสอบ พร้อมเสนอตัวร่วมขบวนลงพื้นที่
ที่วุฒิสภา นายสมชาย แสวงการ สว. หารือต่อที่ประชุมวุฒิสภา ว่า เมื่อวันที่ 25 ธ.ค. ในการประชุมของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) สิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา ได้เชิญตัวแทนของกรมราชทัณฑ์ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) เข้าชี้แจงซึ่งเป็นการประชุมติดตามกรณีการพักโทษให้กับนักโทษเด็ดขาดนอกเรือนจำที่เกินเวลา 120 วัน เป็นครั้งที่สาม ซึ่งเป็นการประชุมโดยเปิดเผย ต่างจาก 2 ครั้งที่ผ่านมาที่เป็นการประชุมลับ เนื่องจากการประชุมลับไม่ได้ข้อมูลใดๆ เลย ทั้งนี้ในการชี้แจงของกรมราชทัณฑ์ในกรณีการอนุญาตให้นักโทษเด็ดขาด เป็นอดีตนายกฯ รักษาตัวนอกเรือนจำ ที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ รักษาตัวนอกเรือนจำเกิน 120 วัน ระบุว่าผู้บัญชาการเรือนจำได้ทำเรื่องขออนุมัติ ซึ่งส่งเรื่องไปยัง อธิบดีกรมราชทัณฑ์ และแจ้งให้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรมให้รับทราบตามหลักเกณฑ์แล้ว พร้อมหลักฐานสำคัญ คือ คำวินิจฉัยของแพทย์ ที่ลงนามในใบรักษา ระบุว่า ให้รักษาตัวต่อเนื่อง อีกทั้งกรมราชทัณฑ์ระบุว่าไม่มีอำนาจนำตัวผู้ต้องขังกลับจากโรงพยาบาล ด้วยเหตุผลตามความเห็นของแพทย์ที่ให้รักษาตัวต่อเนื่อง
นายสมชาย กล่าวด้วยว่า ตนขอเรียกร้องให้นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ และรมว.คลัง รวมถึง พ.ต.อ.ทวี ตรวจสอบว่านักโทษที่ได้รับสิทธิดังกล่าวป่วยด้วยโรคอะไร เพราะเท่าที่ทราบคือ เป็นโรคปกติธรรมดา คือ ความดัน เส้นเลือดตีบ เป็นโควิด ติดเชื้อที่ปอด กระดูกเสื่อม และรักษาอาการที่ไหล่ ไม่จำเป็นต้องรักษาเกินระเบียบ หากแพทย์ให้ความเห็นว่าต้องรักษาตัวต่อเนื่อง ต้องป่วยด้วยโรครร้ายแรง ใกล้วาระสุดท้าย หรือนอนติดเตียง
“สำหรับการควบคุมนักโทษนั้นตามระเบียบของราชทัณฑ์กำหนดให้มีผู้คุมดูแลผลัดละ 2 คนและต้องถ่ายรูปคู่กับนักโทษที่รักษาตัวนอกเรือนจำ ทุกๆ 2 ชั่วโมง เพื่อรายงาน แต่จากการตรวจสอบของกมธ. ทราบจากกรมราชทัณฑ์ว่าไม่เคยเข้าไปตรวจ ซึ่งผมขอให้ รมว.ยุติธรรม ปลัดกระทรวง และอธิบดีกรมราชทัณฑ์เข้าไปตรวจสอบ ซึ่งไม่ใช่การคุกคามคนป่วย แต่เพื่อไปดูว่าแพทย์ได้ตรวจ หรือให้ความเห็นเป็นเท็จหรือไม่ และหากหน่วยงานต้องการความช่วยเหลือ กมธ.ของวุฒิสภาที่เกี่ยวข้องพร้อมไปด้วย รวมถึง กสม. ด้วย” นายสมชาย กล่าว
นายสมชาย กล่าวด้วยว่า กมธ.สิทธิมนุษยชนฯ ได้ขอเรียกเอกสารตามที่ ผู้บัญชาการเรือนจำที่ทำควาเห็นถึงอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ที่อนุมัติให้นักโทษเด็ดขาดอยู่นอกเรือนจำทั้ง 3 ครั้ง มาตรวจสอบอีกครั้ง รวมถึงภาพถ่ายของผู้คุมร่วมกับผู้ต้องขังมาตรวจสอบ ทั้งนี้ไม่ใช่ทำไปด้วยความอคติ แต่ต้องการสร้างความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม ส่วนที่ในโรงพยาบาลราชทัณฑ์ระบุว่ากล้องวงจรปิดภายในเสียนั้นตนมองว่าไม่น่าเชื่อถือเพราะ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ คือ ผู้พิทักษ์ความสงบเรียบร้อย ดังนั้นการกระทำใดๆ ขอให้คำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนบุคคล แต่หากสตช. ไม่มีงบประมาณเพื่อเปลี่ยน ตนจะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายให้และขอให้แพร่ภาพมายังที่วุฒิสภา ตลอด 24 ชั่วโมงด้วย แต่หากยังไม่ดำเนินการใด ตนจะเสนอให้พรรคฝ่ายค้านในสภาฯ ตัดงบประมาณของกรมราชทัณฑ์ ทั้งหมด เพราะหน่วยงานดังกล่าวถือว่าหมดความจำเป็น
นายสมชาย กล่าวด้วยว่าสำหรับระเบียบกรมราชทัณฑ์ว่าด้วยให้สิทธินักโทษคุมขังนอกเรือนจำ จากการตรวจสอบแล้วพบว่า อาจเป็นระเบียบที่ขัดแย้งกันกับระเบียบที่ประกาศไว้ก่อนหน้านั้น ที่กำหนดให้สิทธินักโทษคุมขังนอกเรือนได้ แต่ต้องมีหลักเกณฑ์ที่เหมาะสมตามเกณฑ์ เช่น นักโทษที่อายุ 70 ปีขึ้นไป ที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ หรือช่วเหลือตัวเองได้น้อยจะได้รับสิทธิเป็นต้น.