ทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์พลิกเกมพฤกษาจากทาวน์เฮ้าส์สู่อี-คอมเมิร์ซ
เปิดเส้นทางความสำเร็จ 30 ปี พฤกษา จากทาวน์เฮ้าส์บ้านพฤกษาสู่อาณาจักรอสังหาฯ หมื่นล้านก้าวสู่ทศวรรษที่ 4 เน้นการส่งมอบการอยู่อาศัย"อยู่ดี มีสุข" พร้อมรุกวงการอี-คอมเมิร์ซผุดclickzy.com(คลิกซิ)แพลตฟอร์มค้าปลีกออนไลน์
จากจุดเริ่มต้นจนถึงวันนี้รวมเป็นเวลา 30 ปี 'ทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์'ผู้ปลุกปั้นพฤกษา เรียลเอสเตท จนก้าวมาเป็นบริษัทอสังหาหมื่นล้านอย่างทุกวันนี้ บริษัทแห่งนี้เริ่มต้นธุรกิจจากการทำทาวน์เฮาส์มาก่อน โครงการแรก คือ บ้านพฤกษา 1 ดำเนินธุรกิจภายใต้บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัดเมื่อปี 2536
เขาได้แสดงวิสัยทัศน์ที่จะไม่หยุดนิ่ง พร้อมมุ่งไปข้างหน้าเพื่อพัฒนาธุรกิจอยู่เสมอ วิสัยทัศน์นี่เองที่เป็นแรงหนุนสำคัญทำให้พฤกษาเติบโตจนกลายมาเป็นบริษัทอสังหายักษ์ใหญ่ และจะก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้งด้วยความตั้งใจที่จะส่งมอบการอยู่อาศัยที่ อยู่ดี มีสุข รวมทั้งมุ่งขยายกิจการไปยังธุรกิจใหม่ ๆ ตามเทรนด์โลกอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปรากฎให้เห็นแล้วจากการรุกธุรกิจโรงพยาบาล อีคอมเมิร์ซ และพลังงานทางเลือก
สำหรับเส้นทางการดำเนินธุรกิจตลอด 3 ทศวรรษของพฤกษาจึงเป็นเรื่องน่าสนใจ และสิ่งที่พฤกษาจะทำนับจากนี้ก็น่าจับตามองอย่างยิ่ง
จากทาวน์เฮ้าส์สู่บ้านคอนโดระดับพรีเมียม
ปัจจุบัน ทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ผู้ก่อตั้งบริษัทฯดำรงตำแหน่งรองประธานกรรมการบริษัท บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) ได้ถ่ายทอดเรื่องราวจุดกำเนิดของพฤกษาว่า ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 20 เม.ย.2536 เปิดตัวด้วยโครงการบ้านพฤกษา 1 ที่รังสิต-คลอง 8
จากนั้นได้เริ่มสร้างและขายทาวน์เฮาส์ ในโครงการบีโอไอ (BOI) เพื่อสนับสนุนผู้มีรายได้น้อยให้ได้มีบ้านเป็นของตัวเอง ด้วยการพัฒนาสินค้าทาวน์เฮ้าส์ให้มีจุดเด่นตรงตามความต้องการของตลาด และนำเทคโนโลยีการก่อสร้างมาใช้จนเป็นผู้นำในการปฎิวัติอุตสาหกรรมการก่อสร้างที่อยู่อาศัยด้วยพรีคาสท์
หลังจากประสบความสำเร็จในการทำทาวน์เฮ้าส์แล้วก็ได้ศึกษาความต้องการของลูกค้ากลุ่มใหม่ ๆ ต่อมาจึงได้สร้างโครงการที่อยู่อาศัยในรูปแบบอื่นเพิ่ม ไม่ว่าจะเป็นบ้านเดี่ยว คอนโดมิเนียม ทาวน์โฮม บ้านแฝด ซึ่งสามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกันของลูกค้าแต่ละกลุ่มได้ ครอบคลุมความต้องการของลูกค้าไปจนถึงระดับบน
นอกจากการพัฒนาโครงการแล้ว ตัวองค์กรก็มีการพัฒนาและก้าวหน้าเช่นกัน โดยมีเหตุการณ์ที่ต้องบันทึกไว้ถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญหลายเหตุการณ์ด้วยกัน เช่น
• ปี 2547 ก่อตั้ง โรงงานพฤกษาพรีคาสท์ ซึ่งทำให้พฤกษากลายเป็นผู้นำในวงการก่อสร้างบ้านด้วยการนำเทคโนโลยีพรีคาสท์จากเยอรมนีมาใช้ และยังได้ก่อสร้างโรงงานผลิตชิ้นส่วนคอนกรีตเสริมเหล็กสำเร็จรูปแห่งแรกในประเทศไทย โดยใช้เครื่องจักรที่ทันสมัยที่สุดในขณะนั้นด้วยมูลค่าเงินลงทุน 650 ล้านบาท
• ปี 2548 แปรสภาพเป็น บริษัทมหาชนจำกัด และทำการซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในปีเดียวกันนี้ ได้ขยายกลุ่มลูกค้าจากทาวน์เฮาส์ไปยังบ้านเดี่ยวภายใต้แบรนด์ ภัสสร โดยมุ่งเน้นให้ลูกค้าที่มีรายได้ปานกลางสามารถเป็นเจ้าของบ้านเดี่ยวหลังใหญ่ที่มีพื้นที่ใช้สอยคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายมากที่สุด
• ปี 2550 เนื่องจากระบบขนส่งสาธารณะเปลี่ยนแปลง มีโครงการรถไฟฟ้าเกิดขึ้น ซึ่งส่งผลต่อแนวคิดการอยู่อาศัยของผู้บริโภค เกิดความต้องการที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียมสูงมาก พฤกษาจึงได้ปรับกลยุทธ์โดยก่อสร้างคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์ ไอวี่ เดอะซี๊ด และ ซิตี้วิลล์
• ปี 2557 เปิด โรงงานพฤกษาพรีคาสท์ โรงที่ 6 และ 7 โดยใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยระดับโลก ทำให้พฤกษามีกำลังการผลิตบ้านสูงถึง 1,120 ยูนิตต่อเดือน และเป็น Green Factory แห่งแรกในประเทศไทยในอุตสาหกรรมการผลิต Precast Concrete ด้วยระบบ Concrete Recycling
• ปี 2563 เปิดตลาดพรีเมียมด้วยโครงการ เดอะ รีเซิร์ฟ เพื่อขยายฐานลูกค้าไปยังตลาดระดับบนให้ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายทุกเซ็กเมนต์ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่จะสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนให้พฤกษา
ผุด พฤกษา โฮลดิ้ง รองรับการเติบโต
หลังจากธุรกิจเติบโตขึ้นอย่างมาก ในปี 2559 บริษัทฯ จึงได้ก่อตั้งโฮลดิ้งขึ้นโดยใช้ชื่อ บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) ซึ่งเขาเล่าว่า บริษัทโฮลดิ้งนี้ก่อตั้งขึ้นเพื่อรองรับและเพิ่มความคล่องตัวในการขยายธุรกิจไปสู่ธุรกิจใหม่ที่สามารถสร้างรายได้อย่างต่อเนื่อง โดยมีกลยุทธ์หลัก 3 ประการ คือ 1) รักษาความเป็นผู้นำในตลาดอสังหาริมทรัพย์เพื่ออยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อยถึงปานกลาง 2) เพิ่มส่วนแบ่งการตลาดของบริษัทฯ ในตลาดที่อยู่อาศัยระดับบน และ 3) ขยายการลงทุนไปยังธุรกิจใหม่ที่สร้างรายได้อย่างต่อเนื่อง
ขยายกิจการสู่ธุรกิจโรงพยาบาล
ธุรกิจโรงพยาบาลของพฤกษาเริ่มขึ้นในปี 2560 ภายใต้ชื่อ วิมุต ตั้งอยู่บนถนนพหลโยธิน ใช้งบลงทุน 5,000 ล้านบาท นับเป็นก้าวแรกของพฤกษาในการบุกธุรกิจสุขภาพ ซึ่งจะเป็นอีกแหล่งรายได้ประจำที่นอกเหนือจากอสังหาริมทรัพย์ และจะเพิ่มมูลค่าให้โครงการที่อยู่อาศัยด้วยบริการ Nursing Home ดูแลสุขภาพ และผู้สูงวัย ด้วยโมเดลคลินิกบ้านหมอวิมุต
"โรงพยาบาลวิมุตเปิดให้บริการเต็มรูปแบบในปี 2564 เรามุ่งมั่นตั้งใจที่จะรักษาผู้ป่วยให้มีสุขภาพแข็งแรง พ้นทุกข์จากการเจ็บป่วยทั้งร่างกายและจิตใจ โดยมีศูนย์เฉพาะทางและทีมแพทย์ที่ใส่ใจดูแลคนไข้เสมือนคนในครอบครัว พร้อมการตรวจวินิจฉัยและรักษาอย่างตรงจุดด้วยเทคโนโลยีและเครื่องมือทางการแพทย์ที่ทันสมัย โดยมีค่าใช้จ่ายที่เข้าถึงได้" ทองมา กล่าว
2565 ปีแห่งการขยายธุรกิจใหม่
ปี 2565 เป็นอีกปีหนึ่งที่พฤกษาเกิดการเปลี่ยนแปลง ความเคลื่อนไหวที่สำคัญ คือ การจัดตั้ง กองทุน Corporate Venture Fund มูลค่า 3,500 ล้านบาท เพื่อมองหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ตามเทรนด์โลกอนาคต โดยมุ่งเน้น 2 ด้านที่จะมาสนับสนุนธุรกิจหลัก ได้แก่ PropTech เช่น โซลูชันที่มุ่งสร้างประสบการณ์ที่ดีแก่ลูกค้า การขายและการตลาดดิจิทัล รวมทั้ง Smart Home IoT และ Senior Living อีกด้านหนึ่ง คือ Health Tech ซึ่งจะมุ่งเน้นแพลตฟอร์มด้านบริการทางการแพทย์ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต การบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานธุรกิจสุขภาพ และอุปกรณ์เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังได้ขยายธุรกิจใหม่ด้านอีคอมเมิร์ซด้วยการก่อตั้ง บริษัท ซินเนอร์จี โกรท จำกัด เพื่อใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเป็นเครื่องมือในการขยายธุรกิจ รวมทั้งก่อตั้ง บริษัท อินโน พรีคาสท์ จำกัด เพื่อรองรับความต้องการด้านพรีคาสท์ และก่อตั้งบริษัทร่วมทุนในชื่อ บริษัท ปัน นิวเอนเนอจี จำกัด ดำเนินธุรกิจจำหน่ายและติดตั้งโซล่ารูฟ เพื่อสนับสนุนการใช้พลังงานทางเลือก โดยยังมุ่งใช้กลยุทธ์ซินเนอร์จี้ ผสานจุดแข็งของแต่ละธุรกิจ เสริมความแข็งแกร่งของบริษัทในเครือ
มีการประกาศความร่วมมือครั้งสำคัญในระดับภูมิภาค จัดตั้ง กองทุน "CapitaLand SEA Logistics Fund" ร่วมกับ สองบริษัทชั้นนำ คือ แคปปิตอลแลนด์ อินเวสเม้นท์ กรุ๊ป (CapitaLand Investment Group หรือ CLI) ยักษ์ใหญ่กลุ่มธุรกิจจัดการการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำระดับโลก และ แอลลี่ โลจิสติกส์ พร็อพเพอร์ตี้ (Ally Logistic Property หรือ ALP) ผู้ให้บริการโซลูชั่นคลังสินค้าแบบครบวงจรที่ล้ำสมัยที่สุดในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ของประเทศใต้หวัน เพื่อลงทุนและพัฒนาทรัพย์สินด้านอสังหาริมทรัพย์สำหรับอุตสาหกรรมและโลจิสติกส์ที่ใช้ในประเทศสำคัญ ๆ ทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ส่งมอบที่อยู่อาศัยที่ "อยู่ดี มีสุข"
ต้นปี 2566 พฤกษาได้ประกาศจุดหมายใหม่ในการส่งมอบการอยู่อาศัยแบบ Live well, Stay well ที่ไม่เพียงพัฒนาโครงการบ้านสวยด้วยนวัตกรรมดีไซน์เท่านั้น แต่ยังผนวกการสร้างปัจจัยสุข สุขภาพดี ชุมชนดี เติมเต็มคุณภาพชีวิตการอยู่อาศัยในความหมายของการ อยู่ดี มีสุข อย่างแท้จริง
โดย 3 ธุรกิจในเครือ คือ อสังหาริมทรัพย์ เฮลธ์แคร์ และอีคอมเมิร์ซ จะผสานพลังเพื่อยกระดับการอยู่อาศัยให้มีความสะดวกสบาย ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคดิจิทัล เช่น การใช้แนวคิดบ้านแบบ Multi Gen ที่รองรับคนทุกวัย การใช้โฮมออโตเมชันมาจัดการให้ชีวิตดีขึ้น เชื่อมโยงการใช้ชีวิตด้วยเทคโนโลยีผ่านแอปพลิเคชัน MYHAUS ที่ควบคุม IoT ในบ้านได้เพียงปลายนิ้ว การใช้พลังงานทางเลือกอย่างโซล่ารูฟ EV-Charger และการร่วมมือกับโรงพยาบาลวิมุตเพื่อมอบบริการดูแลสุขภาพและสิทธิประโยชน์แก่ลูกบ้าน ไม่เพียงเท่านี้ พฤกษา เรียลเอสเตท ยังมีแผนที่จะร่วมกับพันธมิตรภายนอกที่จะมาสร้างความอยู่ดี มีสุข ให้เพิ่มขึ้นด้วย
"เจตนารมณ์ของเราตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงวันนี้ คือ ทำให้คนไทยมีบ้านที่อยู่อย่างมีความสุข เราต้องขอบคุณคนไทยกว่า 260,000 ครอบครัว ที่ไว้ใจให้พฤกษาดูแลตลอด 30 ปีที่ผ่านมา และเราจะมุ่งมั่นสร้างการอยู่อาศัยที่ดี เพื่อให้ทุกชีวิตที่พฤกษา อยู่ดี มีสุข มากที่สุด" ทองมา กล่าว