ดีมานด์ต่างชาติกระตุ้นคอนโดฯ หรูไปต่อ ! รับอานิสงส์ Expat ฟื้น
ภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยปี 2567 “ชะลอตัว” จากปัจจัยลบรอบด้านส่งผลให้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ต้องระมัดระวังในการเปิดตัวโครงการใหม่ทำให้ยอดเปิดตัวโครงการใหม่ลดลง! สวนทางคนโดมิเนียมหรูได้ดีมานด์ต่างชาติกระตุ้นคอนโดมิเนียมหรูไปต่อพร้อมรับอานิสงส์ Expat ฟื้น
อาทิตยา เกษมลาวัณย์ หัวหน้าแผนกซื้อขายโครงการที่พักอาศัย บริษัท ซีบีอาร์อี ประเทศไทย กล่าวว่า แม้ว่าภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้จะเผชิญกับความท้าทายจากปัจจัยลบจากภาวะหนี้ครัวเรือนที่มีผลต่อกำลังซื้อ การขอสินเชื่อจากสถาบันการเงิน แต่ “ไม่ใช่” ทุกทำเล และทุกกลุ่มที่จะชะลอการซื้อที่อยู่อาศัย
โดยเฉพาะดีมานด์ของตลาดคอนโดมิเนียมลักซ์ชัวรียังคงแข็งแกร่ง ซึ่งยอดขายขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย อาทิ ทำเล คุณภาพของโครงการที่นำเสนอ และราคา ซึ่งไม่ควรจะสูงเกินกว่าราคาตลาด
“ครึ่งแรกปี 2567 ยอดขายตลาดคอนโดมิเนียมระดับซูเปอร์ลักซ์ชัวรี ที่มีราคาขายตั้งแต่ 350,000 บาทต่อตารางเมตรขึ้นไป และคอนโดมิเนียม Branded Residence ค่อนข้างดี กล่าวคือ สามารถขายได้ 86% และ 90% ตามลำดับ”
ทั้งนี้เพราะจำนวนซัพพลายมีค่อนข้างจำกัด เนื่องจาก 9 เดือนแรกของปีนี้ มีโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ในกลุ่มลักซ์ชัวรี และอัลตร้าลักซ์ชัวรีเปิดตัวในกรุงเทพฯ เพียงแค่ 1 โครงการ ในแต่ละไตรมาส ยกตัวอย่าง โครงการมิวนิก พร้อมพงษ์ ในไตรมาสแรก โครงการ ดิ เอ็มบาสซี ไวร์เลส ในไตรมาส 2 โครงการแอดเลอร์ ชาน โรด ในไตรมาส 3 และโครงการ มาร์ควิส พญาไท เป็นคอนโดมิเนียมสุดท้ายในเซกเมนต์ลักซ์ชัวรีปีนี้
“ความต้องการคอนโดมิเนียมลักซ์ชัวรีในกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่มาจากต่างประเทศ สะท้อนสัญญาณการฟื้นตัว กลุ่มลูกค้าหลักมาจาก ผู้ซื้อชาวไต้หวัน ตั้งแต่ปี 2565 ถึงครึ่งแรกปี 2567 จากก่อนหน้านึ้จะเป็นกลุ่มลูกค้าชาวจีน ในปี 2561-2564 เป็นหลัก”
จากปัญหาภูมิรัฐศาสตร์มีส่วนสำคัญในการผลักดันดีมานด์จากต่างประเทศเข้าไทย การหาบ้านหลังที่สอง ประกอบกับ ภาพรวมประเทศไทยมีองค์ประกอบที่ตอบโจทย์คนต่างชาติ อาทิ มี โรงเรียนนานาชาติ ราคาอสังหาริมทรัพย์ถูกกว่าหลายประเทศ และยังมีการลงทุนจากต่างชาติ เข้ามาอย่างต่อเนื่อง จากกลุ่มทุนจีน ญี่ปุ่น ยุโรป และสหรัฐ โดยปัจจุบันกลุ่มชาวต่างชาติที่ทำงานและพำนักในไทย (Expat) ณ สิ้นปี 2566 มีจำนวน 188,232 คน เริ่มกลับมาเทียบเท่าช่วงก่อนเกิดโควิดในปี 2562
“กลุ่มลูกค้า Expat จะเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง บางส่วนได้รับการสนับสนุนค่าเช่าคอนโดมิเนียมจากบริษัทที่ทำงานอยู่ ส่งผลให้ตลาดให้เช่าคอนโดมิเนียมลักซ์ชัวรีย่านดาวน์ทาวน์ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี เพราะมี Expat เป็นตลาดหลัก ทำให้ราคาค่าเช่าปรับตัวสูงขึ้นในบางแห่ง เฉลี่ยอยู่ที่ 800-1,300 บาทต่อตารางเมตร และทำเลไพร์ม ราคาเช่าขึ้นไปถึง 1,500 บาทต่อตารางเมตร ส่วนประเภทเซอร์วิส อพาร์ตเมนต์อาจขึ้นไปสูงมากกว่านี้”
อาทิตยา กล่าวต่อว่า เกณฑ์ในการเลือกซื้อโครงการอสังหาริมทรัพย์โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมผู้ประกอบการเพิ่มมูลค่าเพิ่มเพื่อดึงดูดกลุ่มนักลงทุน โดยดึง “Branded Residence” เข้ามา จากสถิติของซีบีอาร์อี พบว่า ยอดขายโครงการคอนโดมิเนียมระดับซูเปอร์ลักซ์ชัวรี ครึ่งแรกของปี 2567 ราว 86% ของยอดขายโครงการที่พักอาศัยทั้งหมด ปิดการขายได้รวดเร็วขึ้นเป็นโครงการแบบ Branded Residence ที่บริหารโดยเครือโรงแรมระดับห้าดาว ได้รับความนิยมจากลูกค้า
“พฤติกรรมของกลุ่มผู้ซื้อกลุ่มลักซ์ชัวรีจะลังเลที่จะซื้อหรือลงทุนในคอนโดมิเนียมเพื่อเป็นบ้านหลังที่สอง หรืออสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน เว้นแต่ว่าจะมีความมั่นใจในแนวโน้มเศรษฐกิจ ขณะที่กลุ่มผู้ซื้อคอนโดมิเนียมระดับซูเปอร์ลักซ์ชัวรีจะไม่หวั่นไหวต่อภาวะเศรษฐกิจ”
จากข้อมูลการขายคอนโดมิเนียมของซีบีอาร์อีช่วงครึ่งแรกปี 2567 สัดส่วนผู้ซื้อชาวต่างชาติเพิ่มขึ้นเป็น 33% จาก 25% ในปี 2565-2566 และ 12% ในปี 2563-2564 อัตราการเติบโต 23% ก่อนโควิด-19 ระบาด ในปี 2561-2562 สำหรับปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจเปิดโครงการของ ดีเวลลอปเปอร์ คือ ภาวะเศรษฐกิจโลก และเศรษฐกิจในประเทศ ส่งผลกระทบต่อกลุ่มไฮเอนด์ และลักซ์ชัวรี รวมถึงกลุ่มระดับกลาง และล่าง มากกว่ากลุ่มซูเปอร์ลักซ์ชัวรี
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์